ก่อสร้างพระเจดีย์และบรรจุเมื่อ 20 มีนาคม 2514 เวลา 08.30น. โดย สมเด็จพระวันรัต (ปุ่น ปุณณสิริ มหาเถระ) ภายหลังเป็น สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ เป็นสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกพระองค์ที่ 17 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
*** ที่มาจากหนังสือ "อนุสรณ์บรรจุพระสารีริกธาตุ ศูนย์เผยแผ่พระพุทธศาสนา วัดราษฎร์สามัคคี"
ภาพเจดีย์พระมหาธาตุ (องค์เดิม)ปัจจุบันได้รื้อถอนแล้ว
พระมหาธาตุเจดีย์ ๕ พระองค์ องค์ใหม่ในปัจจุบัน (ณ วันที่ 14 กันยายน 2568)
ความเป็นมาแห่งพระบรมสารีริกธาตุ ตามที่ข้าพเจ้า (ไม่ทราบชื่อผู้เขียน) ได้สืบถามดูแล้วได้ความโดยสังเขปว่า มีคฤหบดีผู้หนึ่งชื่อว่า นายสมพงษ์ สมศิริวาสน์ มีภูมิลําเนาอยู่บ้านเลขที่ 183 ถนนจารุเมือง ตําบลรองเมือง อําเภอปทุมวัน กรุงเทพมหานคร มีอาชีพรับราชการรถไฟ กองโรงแรมแผนกบ้านพักรถเสบียงประจําอยู่รถเสบียง ล่องขึ้นรถอีสาน กรุงเทพฯ หนองคาย อุบลราชธานี ท่านผู้นี้มีอุปนิสัยชอบทําบุญกุศล และใช้เวลาหลังเลิกงานไปศึกษาสนทนากับพระคุณเจ้าเป็นประจํานับว่าเป็นอุบาสกที่หาได้ยากยิ่ง ขณะนี้ (นั้น) ยังรับราชการรถไฟอยู่ ก่อนนี้ไป 10 กว่าปี ท่านผู้นี้ได้มีความเคารพนับถือพระเถระสำคัญอยู่ทางเชียงใหม่ พระเณรรูปนี้ได้มีโอกาสไปเยี่ยมคุณสมพงษ์ที่บ้าน ได้ทราบความประสงค์ ของคุณสมพงษ์ว่า อยากจะได้พระบรมสารีริกธาตุท่านจึงได้แนะนําแก่คุณสมพงษ์ ที่จะได้มาซึ่งพระบรมสารีริกธาตุโดยวิธีการให้ไหว้ พระสวดมนต์และอธิษฐานจิตเป็นประจําทุกวัน หลังนั้นไปไม่กี่วัน พระบรมสารีริกธาตุ ก็ได้มาประดิษฐานบนหิ้งพระของคุณสมพงษ์ตามความปรารถนาหนึ่งองค์ พระเถระเมื่อได้ทราบว่าคุณสมพงษ์ได้พระบรมสารีริกธาตุตามความประสงค์หนึ่งองค์แล้ว ก็ได้อาราธนาพระบรมสารีริกธาตุ ของท่านซึ่งได้มาจากการไปนมัสการปูชนียสถานที่ประเทศอินเดีย มาเพิ่มให้คุณสมพงษ์อีกหนึ่งองค์ และก็ได้เสด็จมาโดยปาฏิหาริย์ เพิ่มจํานวนให้คุณสมพงษ์มากองค์ขึ้น
หลังจากนั้นมาอาศัยราชการในหน้าที่ล่องขึ้น-ลงตามขบวนรถด่วน กรุงเทพฯ-หนองคาย และเมื่อรถไฟมาถึงหนองคายก็พักสถานีรถไฟนาทา ดังในที่ปัจจุบันนี้ สถานีรถไฟนาทา ใกล้กับวัดราษฎร์สามัคคี คุณสมพงษ์จึงได้มีโอกาสไปทําบุญที่วัดราษฎร์สามัคคีหนองคายเป็น ประจําทุกครั้งที่ขึ้นมาที่หนองคาย ในสมัยโน้น (2500-2507) หลวงพ่อบุญมี ถาวโร อายุ 71 ปี เป็นเจ้าอาวาสวัดราษฎร์สามัคคีหนองคาย หลวงพ่อบุญมี มีความสนใจในการสอนพระภิกษุ สามเณรและชาวบ้านด้วยการเทศนา และการเทศนาของหลวงพ่อทุกครั้งเป็นที่จับใจของผู้ฟังมาก คุณสมพงษ์ก็ได้ดื่มธรรมรสจากหลวงพ่อบุญมี ถาวโร ทุกครั้งที่ไปทําบุญ เมื่อรสของพระสัทธรรมได้ซาบซ่านแก่ใจของคุณสมพงษ์แล้ว ก็ยิ่งเพิ่มความเคารพนับถือในหลวงพ่อมากขึ้น
ในที่สุดจึงได้อาราธนาพระบรมสารีริกธาตุ อันเป็นที่เคารพและหวงแหนยิ่งกว่าชีวิตของตน มาถวายแก่หลวงพ่อบุญมี ถาวโร ในรูปของการทอดกฐิน เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2507 ตรง กับวันขึ้น 12 คํ่า เดือน 12 ปีมะโรง วัตถุประสงค์เพื่อให้หลวงพ่อได้ประดิษฐานไว้ ที่วัดราษฎร์สามัคคี ทางแยกสถานีรถไฟนาทาหนองคาย ซึ่งได้ตั้งเป็น "ศูนย์การเผยแพร่พระพุทธศาสนา" เพื่อเป็นมิ่งมงคลของพุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดหนองคาย และสาธุชนทั่วไป
พระอธิการบุญมี ถาวโร เจ้าอาวาสดำรงตำแหน่ง พ.ศ. 2500 – 2507
พระบรมสารีริกธาตุที่คุณสมพงษ์ อาราธนามาประดิษฐานนี้มีด้วยกัน 5 พระองค์ ซึ่งมีสันฐานลักษณะพร้อมด้วยบริวารประดับตกแต่ง ดังต่อไปนี้
ผอบไม้จันทร์หอม บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ 5 พระองค์
และได้อาราธนา พระอรหันต์ธาตุ 8 องค์ มาพร้อมด้วย ซึ่งบรรจุอยู่ในผอบทอง ผอบทองบรรจุซ้อนอยู่ในพระเจดีย์ ไม้จันทร์หอม ซึ่งห่มด้วยผ้าทอง สวมยอดพระเจดีย์แหวนทอง เจดีย์ไม้จันทร์หอมบรรจุซ้อนอยู่ในพระเจดีย์ทองเหลืองขัดมัน ขนาดฐานกว้าง 5 นิ้ว ภายนอก พระเจดีย์ทองเหลืองประดับตกแต่งด้วยแก้ว แหวน เงิน ทองนาค เพชร พลอย ในมณีสีต่างๆ ภายในพระเจดีย์ทองเหลืองบรรจุด้วยพระพุทธรูปองค์เล็กปรางค์ต่าง ๆ บรรจุพระเครื่องเนื้อหว่าน เนื้อผง เนื้อโลหะ แบบต่างๆ ทั้งพระเก่าและพระใหม่ รวม 9 องค์
ปุถุชนอย่างที่เราๆ กําลังสงสัย ทั้งนี้เพราะได้พบเห็นพุทธบริษัทเราเห่อพระบรมสารีริกธาตุ เห่อพระพุทธรูปเก่า-ใหม่กัน ถึงกับตั้งชื่อกันขึ้นเรียกในวงชาวพุทธอีกชื่อหนึ่งว่า "นักเลงพระ" แต่ก็ถูกต้มหงายท้องไปแทบทุกรายและในชื่อว่า "นักเลงพระ" นี้ก็มีพระภิกษุในพระพุทธศาสนา บางเหล่าได้ทุ่มเทชีวิตที่อาศัยปัจจัย 4 ของชาวบ้านเป็นอยู่ ทุ่มเทไปในความเป็นนักเลงพระด้วย ก็มี ปฏิกิริยาของท่านผู้เป็นนักเลงพระโฆษณานี้ เป็นเหตุ ชาวพุทธที่ยังเป็นปุถุชนเกิดความลังเลสงสัยขึ้นและระแวงระวังก่อให้เกิดความเสื่อมคลาย จึงได้เกิดคำว่า ปลอมหรือแท้ขึ้น พระบรมสารีริกธาตุที่คุณสมพงษ์ อาราธนามามอบให้แก่ชาวจังหวัดหนองคาย ก็ได้มีผู้วิพากษ์วิจารณ์ เรื่องปลอมเรื่องแท้เหมือนกัน ในที่สุดได้ลงเอยตัดสินพิสูจน์ปลอม-แท้กัน โดยการทดลองด้วยวิธีเปิดออกดูว่ามีรูปลักษณะอย่างไร ผู้คนก็พากันไปมุงดู อย่างมืดฟ้ามัวดินเลยทีเดียว เปิดออกแล้วต่างก็ให้คำตัดสินว่า ถ้าเป็นพระบรมสารีริกธาตุจริงย่อมรักลอยน้ำ ถ้าปลอมก็จักจมลงไปที่ก้นขัน เหมือนก้อนหินธรรมดา ๆ เมื่อมหาชนรู้ข้อกติกากันเช่นนี้แล้ว ก็ลอยพระบรมสารีริกธาตุลงไปในขันน้ำ
ปรากฎว่าพระบรมสารีริกธาตุได้ลอยเหนือน้ำ ในขันก็แสดงปฏิหาริย์ให้มหาชนประจักษ์ทุกองค์ ในขณะเดียวกันฝนก็กระหนํ่าลงอย่างแรงจนมองไม่เห็นผู้คน เมื่อมหาชนได้ประจักษ์แจ้งจากการพิสูจน์พระบรมสารีริกธาตุตามกฎีกาที่ให้ ไว้แล้ว ความสงสัยดั้งเดิมว่าปลอมหรือแท้ก็ได้หายไปพร้อมกับฝนหยุดตก ราวกะว่าปาฏิหาริย์ บรรดาลให้ฝนตกล้างความมืดของมหาชน เมื่อมหาชนหมดความสงสัยแล้วฝนก็หยุดตกทันที ท้องฟ้าที่มืดมัวแต่ก่อนแล้วก็แจ่มใส ประหนึ่งว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย เหมือนกับส่งสัญญาณให้ รู้ว่า ความมืดที่ปกปิดใจของมหาชนจนเกิดปัญหาถกเถียงกันนั้น บัดนี้ปัญหาดังกล่าวได้หาย ไปหมดแล้ว มหาชนต่างก็เกิดความมหัศจรรย์ในเหตุการณ์ดังกล่าว ก็ดูเหมือนว่าพอๆกันกับ ความสงสัยในก่อน และหลังจากนั้นมาก็ได้ตกลงกันเป็นเอกฉันท์จัดสร้างพระธาตุเจดีย์ เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ โดยได้เริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2507 และได้เสร็จเมื่อปี 2513 ประกอบพิธีบรรจุ วันที่ 20 มีนาคม 2514 โดยเจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัต วัดพระเชตุพนฯ พระนคร เป็นประธานในพิธี ประวัติพระบรมสารีริกธาตุ นํามาเล่าแต่เพียงโดยย่อ ขอจบไว้เพียงเท่านี้
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (ปุ่น ปุณฺณสิริ) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกพระองค์ที่ 17
เป็น สมเด็จพระวันรัต (ตำแหน่งในขณะนั้น) เป็นประธานในพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ 5 พระองค์
ในปี 2558 พระมหาธาตุเจดีย์ ได้แตกร้าวและชำรุดทรุดโทรมมาก เพราะถนนใหญ่ที่ได้ขยายเข้ามา ท่านพระครูสุญาณโสภิต, ดร. กับทางคณะกรรมการวัด ได้ขอคำปรึกษาจากพระผู้ใหญ่ เพื่อที่จะทำการรื้อถอนพระมหาธาตุเจดีย์องค์เดิม และได้จัดสร้างพระมหาธาตุเจดีย์องค์ใหม่ใหญ่กว่าเดิมและตำแหน่งที่ตั้งก็ หลีกเลี่ยงจากถนนใหญ่ และเมื่อ วันที่ 31 ธันวาคม 2558 ได้มีการทำพิธีบวงสรวงและได้ทำการรื้อถอนพระเจดีย์องค์เดิม เราจึงได้มีโอกาศได้เห็นพระบรมสารีริกธาตุและของอันเป็นมงคลมากมาย
พระมหาธาตุเจดีย์องค์ใหม่สูง 3 ชั้น ที่บริเวณด้านหลังอุโบสถมีความสูงจากฐานถึงยอดฉัตร 39 เมตร กว้าง 35.66 เมตร ศิลปะลุ่มน้ำโขงประยุกต์ในปี งบประมาณ 27,000,000 บาท ปัจจุบันยังมิทันแล้วเสร็จสมบูรณ์ แตได้ดำเนินการก่อสร้างจนถึงชั้นที่ 3 แล้ว และนำพระบรมสารีริกธาตุ 5 พระองค์ พร้อมพระอรหัตน์ธาตุ บรรจุบนชั้นที่ 3 ของพระเจดีย์ พร้อมยกฉัตร
สามารถร่วมบุญได้ที่ บัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาหนองคาย ชื่อบัญชี วัดพระธาตุราษฎร์บำรุง เลขที่ 413-1-36289-9