พระมหาธาตุเจดีย์ ๕ พระองค์ (องค์เดิม)


*** ที่มาจากหนังสือ "อนุสรณ์บรรจุพระสารีริกธาตุ ศูนย์เผยแผ่พระพุทธศาสนา วัดราษฎร์สามัคคี"
ความเป็นมาแห่งพระบรมสารีริกธาตุ ตามที่ข้าพเจ้า (ไม่ทราบชื่อผู้เขียน) ได้สืบถามดูแล้วได้ความโดยสังเขปว่า มีคฤหบดีผู้หนึ่งชื่อว่า นายสมพงษ์ สมศิริวาสน์ มีภูมิลําเนาอยู่บ้านเลขที่ 183 ถนนจารุเมือง ตําบลรองเมือง อําเภอปทุมวัน กรุงเทพมหานคร มีอาชีพรับราชการรถไฟ กองโรงแรมแผนกบ้านพักรถเสบียงประจําอยู่รถเสบียง ล่องขึ้นรถอีสาน กรุงเทพฯ หนองคาย อุบลราชธานี ท่านผู้นี้มีอุปนิสัยชอบทําบุญกุศล และใช้เวลาหลังเลิกงานไปศึกษาสนทนากับพระคุณเจ้าเป็นประจํานับว่าเป็นอุบาสกที่หาได้ยากยิ่ง ขณะนี้ (นั้น) ยังรับราชการรถไฟอยู่ ก่อนนี้ไป 10 กว่าปีท่านผู้นี้ได้มีความเคารพนับถือพระเถระสำคัญอยู่ทางเชียงใหม่ พระเณรรูปนี้ได้มีโอกาสไปเยี่ยมคุณสมพงษ์ที่บ้าน ได้ทราบความประสงค์ ของคุณสมพงษ์ว่า อยากจะได้พระบรมสารีริกธาตุท่านจึงได้แนะนําแก่คุณสมพงษ์ ที่จะได้มาซึ่งพระบรมสารีริกธาตุโดยวิธีการให้ไหว้ พระสวดมนต์และอธิษฐานจิตเป็นประจําทุกวัน หลังนั้นไปไม่กี่วัน พระบรมสารีริกธาตุ ก็ได้มาประดิษฐานบนหิ้งพระของคุณสมพงษ์ตามความปรารถนาหนึ่งองค์ พระเถระเมื่อได้ทราบว่าคุณสมพงษ์ได้พระบรมสารีริกธาตุตามความประสงค์หนึ่งองค์แล้ว ก็ได้อาราธนาพระบรมสารีริกธาตุ ของท่านซึ่งได้มาจากการไปนมัสการปูชนียสถานที่ประเทศอินเดีย มาเพิ่มให้คุณสมพงษ์อีกหนึ่งองค์ และก็ได้เสด็จมาโดยปาฏิหาริย์ เพิ่มจํานวนให้คุณสมพงษ์มากองค์ขึ้น
หลังจากนั้นมาอาศัยราชการในหน้าที่ล่องขึ้น-ลงตามขบวนรถด่วน กรุงเทพฯ-หนองคาย และเมื่อรถไฟมาถึงหนองคายก็พักสถานีรถไฟนาทา ดังในที่ปัจจุบันนี้ สถานีรถไฟนาทา ใกล้กับวัดราษฎร์สามัคคี คุณสมพงษ์จึงได้มีโอกาสไปทําบุญที่วัดราษฎร์สามัคคีหนองคายเป็น ประจําทุกครั้งที่ขึ้นมาที่หนองคาย ในสมัยโน้น (2500-2507) หลวงพ่อบุญมี ถาวโร อายุ 71 ปี เป็นเจ้าอาวาสวัดราษฎร์สามัคคีหนองคาย หลวงพ่อบุญมี มีความสนใจในการสอนพระภิกษุ สามเณรและชาวบ้านด้วยการเทศนา และการเทศนาของหลวงพ่อทุกครั้งเป็นที่จับใจของผู้ฟังมาก คุณสมพงษ์ก็ได้ดื่มธรรมรสจากหลวงพ่อบุญมี ถาวโร ทุกครั้งที่ไปทําบุญ เมื่อรสของพระสัทธรรมได้ซาบซ่านแก่ใจของคุณสมพงษ์แล้ว ก็ยิ่งเพิ่มความเคารพนับถือในหลวงพ่อมากขึ้น
ในที่สุดจึงได้อาราธนาพระบรมสารีริกธาตุ อันเป็นที่เคารพและหวงแหนยิ่งกว่าชีวิตของตน มาถวายแก่หลวงพ่อบุญมี ถาวโร ในรูปของการทอดกฐิน เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2507 ตรง กับวันขึ้น 12 คํ่า เดือน 12 ปีมะโรง วัตถุประสงค์เพื่อให้หลวงพ่อได้ประดิษฐานไว้ ที่วัดราษฎร์สามัคคี ทางแยกสถานีรถไฟนาทาหนองคาย ซึ่งได้ตั้งเป็น "ศูนย์การเผยแพร่พระพุทธศาสนา" เพื่อเป็นมิ่งมงคลของพุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดหนองคาย และสาธุชนทั่วไป
พระบรมสารีริกธาตุที่คุณสมพงษ์ อาราธนามาประดิษฐานนี้มีด้วยกัน 5 พระองค์ ซึ่งมีสันฐานลักษณะพร้อมด้วยบริวารประดับตกแต่ง ดังต่อไปนี้
- องค์ที่ 1 มีรูปพรรณสันฐานโตเท่าเมล็ดถั่วเขียว มีวรรณะดั่งเพชร
- องค์ที่ 2 มีรูปพรรณสันฐานโตเท่าเมล็ดข้าวสาร มีวรรณะดั่งเงิน
- องค์ที่ 3 มีรูปพรรณสันฐานโตเท่าเมล็ดถั่วเขียว มีวรรณะดั่งดอกมะลิช้ำ
- องค์ที่ 4 มีรูปพรรณสันฐานโตเท่าสามเมล็ดงารวมกัน มีวรรณะสีดั่งทองอุไร
- องค์ที่ 5 มีรูปพรรณสันฐานโตเท่าสามเมล็ดงารวมกัน มีวรรณะสีดั่งดอกพิกุลแห้ง
และได้อาราธนา พระอรหันต์ธาตุ 8 องค์ มาพร้อมด้วย ซึ่งบรรจุอยู่ในผอบทอง ผอบทองบรรจุซ้อนอยู่ในพระเจดีย์ ไม้จันทร์หอม ซึ่งห่มด้วยผ้าทอง สวมยอดพระเจดีย์แหวนทอง เจดีย์ไม้จันทร์หอมบรรจุซ้อนอยู่ในพระเจดีย์ทองเหลืองขัดมัน ขนาดฐานกว้าง 5 นิ้ว ภายนอก พระเจดีย์ทองเหลืองประดับตกแต่งด้วยแก้ว แหวน เงิน ทองนาค เพชร พลอย ในมณีสีต่างๆ
ภายในพระเจดีย์ทองเหลืองบรรจุด้วยพระพุทธรูปองค์เล็กปรางค์ต่าง ๆ บรรจุพระเครื่องเนื้อหว่าน เนื้อผง เนื้อโลหะ แบบต่างๆ ทั้งพระเก่าและพระใหม่ รวม 9 องค์
นับแต่วันที่ คุณสมพงษ์ สมศิริวาสน์ ได้อาราธนาพระบรมสารีริกธาตุ พร้อมด้วยพระธาตุบริวาร จํานวนดังกล่าวมาประดิษฐานไว้ที่วัดราษฎร์สามัคคีหนองคาย แล้วข่าวมหากุศลอันเป็นมงคลยิ่งนี้ ก็ได้เป็นที่ทราบแก่สาธุชนพุทธบริษัททั้งคฤหัสถ์และบรรพชิตทั่วไป และในโอกาสเดียวกันความสงสัยว่าพระบรมสารีริกธาตุที่ คุณสมพงษ์ สมศิริวาสน์ อาราธนามานี้จะเป็น พระบรมสารีริกธาตุจริงหรือพระบรมสารีริกธาตุปลอม สงสัยว่าคุณสมพงษ์คงจะไปรับเอาพระบรมสารีริกธาตุตกรถของใครมาหนอ? ความสงสัยอย่างนี้ได้เกิดขึ้นกับพุทธบริษัทเราที่ยังเป็น
พระบรมสารีริกธาตุ และของมงคลต่าง ๆ ที่ได้ออกมาจากพระธาตุ (30 ธ.ค. 2558)
พิสูจน์ข้อกังขาพระธาตุของจริงหรือของปลอม
ปุถุชนอย่างที่เราๆ กําลังสงสัย ทั้งนี้เพราะได้พบเห็นพุทธบริษัทเราเห่อพระบรมสารีริกธาตุ เห่อพระพุทธรูปเก่า-ใหม่กัน ถึงกับตั้งชื่อกันขึ้นเรียกในวงชาวพุทธอีกชื่อหนึ่งว่า "นักเลงพระ" แต่ก็ถูกต้มหงายท้องไปแทบทุกรายและในชื่อว่า "นักเลงพระ" นี้ก็มีพระภิกษุในพระพุทธศาสนา บางเหล่าได้ทุ่มเทชีวิตที่อาศัยปัจจัย 4 ของชาวบ้านเป็นอยู่ ทุ่มเทไปในความเป็นนักเลงพระด้วย ก็มี ปฏิกิริยาของท่านผู้เป็นนักเลงพระโฆษณานี้ เป็นเหตุ ชาวพุทธที่ยังเป็นปุถุชนเกิดความลังเลสงสัยขึ้นและระแวงระวังก่อให้เกิดความเสื่อมคลาย จึงได้เกิดคำว่า ปลอมหรือแท้ขึ้น พระบรมสารีริกธาตุที่คุณสมพงษ์ อาราธนามามอบให้แก่ชาวจังหวัดหนองคาย ก็ได้มีผู้วิพากษ์วิจารณ์ เรื่องปลอมเรื่องแท้เหมือนกัน ในที่สุดได้ลงเอยตัดสินพิสูจน์ปลอม-แท้กัน โดยการทดลองด้วยวิธีเปิดออกดูว่ามีรูปลักษณะอย่างไร ผู้คนก็พากันไปมุงดู อย่างมืดฟ้ามัวดินเลยทีเดียว เปิดออกแล้วต่างก็ให้คำตัดสินว่า ถ้าเป็นพระบรมสารีริกธาตุจริงย่อมรักลอยน้ำ ถ้าปลอมก็จักจมลงไปที่ก้นขัน เหมือนก้อนหินธรรมดา ๆ เมื่อมหาชนรู้ข้อกติกากันเช่นนี้แล้ว ก็ลอยพระบรมสารีริกธาตุลงไปในขันน้ำ ปรากฎว่าพระบรมสารีริกธาตุได้ลอยเหนือน้ำ ในขันก็แสดงปฏิหาริย์ให้มหาชนประจักษ์ทุกองค์ ในขณะเดียวกันฝนก็กระหนํ่าลงอย่างแรงจนมองไม่เห็นผู้คน เมื่อมหาชนได้ประจักษ์แจ้งจากการพิสูจน์พระบรมสารีริกธาตุตามกฎีกาที่ให้ ไว้แล้ว ความสงสัยดั้งเดิมว่าปลอมหรือแท้ก็ได้หายไปพร้อมกับฝนหยุดตก ราวกะว่าปาฏิหาริย์
บรรดาลให้ฝนตกล้างความมืดของมหาชน เมื่อมหาชนหมดความสงสัยแล้วฝนก็หยุดตกทันที ท้องฟ้าที่มืดมัวแต่ก่อนแล้วก็แจ่มใส ประหนึ่งว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย เหมือนกับส่งสัญญาณให้ รู้ว่า ความมืดที่ปกปิดใจของมหาชนจนเกิดปัญหาถกเถียงกันนั้น บัดนี้ปัญหาดังกล่าวได้หาย ไปหมดแล้ว มหาชนต่างก็เกิดความมหัศจรรย์ในเหตุการณ์ดังกล่าว ก็ดูเหมือนว่าพอๆกันกับ ความสงสัยในก่อน และหลังจากนั้นมาก็ได้ตกลงกันเป็นเอกฉันท์จัดสร้างพระธาตุเจดีย์ เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ โดยได้เริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2507 และได้เสร็จเมื่อปี 2513 ประกอบพิธีบรรจุ วันที่ 20 มีนาคม 2514 โดยเจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัต วัดพระเชตุพนฯ พระนคร เป็นประธานในพิธี ประวัติพระบรมสารีริกธาตุ นํามาเล่าแต่เพียงโดยย่อ ขอจบไว้เพียงเท่านี้
ปี 2558 พระมหาธาตุเจดีย์ ชำรุดทรุดโทรมมาก
ในปี 2558 พระมหาธาตุเจดีย์ ได้แตกร้าวและชำรุดทรุดโทรมมาก เพราะถนนใหญ่ที่ได้ขยายเข้ามา ท่านพระครูสุญาณโสภิต, ดร. กับทางคณะกรรมการวัด ได้ขอคำปรึกษาจากพระผู้ใหญ่ เพื่อที่จะทำการรื้อถอนพระมหาธาตุเจดีย์องค์เดิม และได้จัดสร้างพระมหาธาตุเจดีย์องค์ใหม่ใหญ่กว่าเดิมและตำแหน่งที่ตั้งก็ หลีกเลี่ยงจากถนนใหญ่ เราจึงได้มีโอกาศได้เห็นพระบรมสารีริกธาตุ(ปัจจบันยังไม่ได้มีการเปิดผอบ) และของอันเป็นมงคลมากมาย